วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

TRIP 9 วัน มัน เร้าใจ มาก ตอน 5 อ้าว! อยู่สุโขทัยแล้วหรือ?

รู้ตัวอีกทีเราก็มาอยู่สุโขทัยกันแล้วค่ะ วันนี้เราเดินทางมากันที่เมืองเก่าสุโขทัยค่ะ เราก็มาพบกับสิ่งนี้

สรีดภงส์ หรือทำนบพระร่วงนั่นเองค่ะ ในตัวเมืองสุโทัยจะขุดบ่อไว้และที่นี่เองค่ะ เป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่มาก เป็นระบบชลประทานที่สำคัญเลยนะคะ โดยสร้างคันดินกั้นน้ำขนาดใหญ่ตั้งแต่เขากิ่วอ้ายมาถึงเขาพระบาทใหญ่ เกิดเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ค่ะ



celeb pink pink ทั้งสอง



ด้านหน้าทางขึ้นไปสรีดภงส์มีชาวบ้านทำงานจักรสานอยู่ค่ะ

จากนั้นเราเดินทางต่อมากันที่วัดมังกร อยู่ทางตะวันตกของเมืองเก่าสุโขทัยค่ะ วัดที่สุโขทัยนี่จะมีโบสถ์เป็นประธานค่ะ ซึ่งแตกต่างกับทางลำปางที่มีวิหารเป็นประธาน


และสังเกตดูดีๆที่มีเราจะพบหลักฐานการนำเอาเซรามิกมาทำกำแพงแก้ว ที่นี่ไม่ใช่วัดหลวงหรอกค่ะ และถ้าดูอีกดีๆจะพบเจดีย์ทรงลังกา ทางลำปางวัดจะใช้เสาไม้ใช่ไหมคะ แต่ที่สุโขทัยมีศิลาแลงมาก จึงใช้ศิลาแลงทำล้อเสาไม้ขึ้นมาค่ะ ซึ่งวัดส่วนใหญ่ที่อยู่ทางด้านตะวันตกจะเป็นวัดป่า ประมาณแบบวัดสายวิปัสสนาค่ะ
กำแพงแก้วเซรามิกที่สมบูรณ์ที่สุดของที่นี่ค่ะ

แผนที่เมืองเก่าค่ะ

เดินมาฝั่งตรงข้ามของวัดจะพบบ้านเรือนซึ่งในเขตเมืองเก่านี่เราสามารถพบได้ทั่วไปค่ะ กระจายกันอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในบ้านที่อยู่ตรงข้ามวัดมังกรเรามาพบบ่อน้ำโบราณซึ่งยังสามารถใช้ได้จนถึงปัจจุบันค่ะ
น้ำจะซึมมาจากตะพังมาในบ่อไว้ใช้ สันนิษฐานว่าเดิมเป็นของวัด บ่อนี้มีอายุถึง600-700 ปีเชียวนะคะ

 อาคารส่วนใหญ่ที่หลงเหลือจะเป็นอาคารก่ออิฐค่ะ แต่ทำไมคะ? เราจึงไม่พบกุฏิพระเลย เราก็เลยได้แต่สันนิษฐานอีกค่ะว่าอาจจะสร้างด้วยไม้ จึงทำให้ไม่สามารถพบได้ในปัจจุบัน

ได้เวลาย้ายร่างแล้วค่ะ มากันที่วัดมหาธาตุนี่เลยค่ะ

ที่นี่เราจะพบเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ และมีวิหารหลวงเป็นประธานค่ะ แต่ยังมีเจดีย์ทรงต่างๆเป็นบริวาร แสดงให้เห็นถึงการเป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรม แต่ละด้านก็จะมีวิหารเล็กๆไว้บูชา

ในขณะที่สุโขทัยเจริญรุ่งเรือง จะมีแคว้นขนาดเล็กๆกระจายอยู่มากมาย แต่ที่วัดมหาธาตุนี่เป็นวัดกลางเมืองเลยค่ะ รายล้อมด้วยวัดเล็กๆหลายวัดซึ่งกลายเป็นวัดร้างไปแล้ว

มองเข้าไปในวัดมหาธาตุเราจะมองเห็นเส้นแกนนำสายตาอยู่ค่ะ แต่ทางเข้าถูกเบี่ยงออกให้อยู่ทางด้านข้างแทน คุณค่าที่เราเห็นได้จากวัดนี้คือการก่อสร้างที่เรียงอิฐโชว์แนว ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์เข้ากับงานสมัยใหม่ได้ สวยงามด้วยนะคะ ที่เมืองเก่านี่เป็นเมืองร้างค่ะ สังเกตว่าจะไม่มีการสร้างเพิ่ม แต่จะยังคงให้หลงเหลือสิ่งที่ปรากฏให้สันนิษฐานต่อเอง ที่เชียงใหม่จะมีการวางผังแบบเดียวกับสุโขทัยคือมีภูเขาอยู่ทิศตะวันตก และขุดน้ำนำเข้ามาใช้ในตัวเมืองค่ะ

ด้านหน้าของวัดจะมีวิหารที่ยกฐานสูง แต่ดูดีๆค่ะ ทำไมเข้ามาชิดกำแพงแก้วขนาดนั้นคะ? สิ่งนี้ทำให้เราสันนิษฐานได้ว่าเป็นของอยุธยาที่มาสร้างเมื่อเข้ามาปกครองสุโขทัยค่ะ
โดยการสร้างบังวิหารหลวงที่อยู่ด้านหลังเอาไว้เสมือนเป็นการข่มเพื่อแสดงชัยชนะ ที่เราสันนิษฐานเช่นนี้มิได้มาลอยๆนะคะ เพราะจากที่เห็นจะมีการยกพื้นสูงและมีศิลปะแบบขอมค่ะ
ซึ่งต่างจากวิหารสุโทัยที่จะยกพื้นเพียงเตี้ยๆเท่านั้น เช่นเดียวกับที่เมืองพิษณุโลก ที่แต่นั่นยังเป็นเสมือนสุโขทัยที่ยังมีชีวิตอยู่ค่ะ สำหรับวัดมหาธาตุนี่ ที่เรียกเช่นนี้เพราะมีพระปรางค์เป็นประธานค่ะ
แต่ถ้ามีวิหารเป็นประธานจะเรียกว่าพระบรมธาตุ




บันไดเล็กๆนี่สันนิษฐานว่าเป็นทางขึ้นพระค่ะ จะเห็นปูนปั้นซึ่งเวลาเวียนเทียนในสมัยก่อน เจ้านายซึ่งเดินอยู่ด้านนอกที่ถัดออกมาจะได้เห็นและมีจิตระลึกถึงพระคุณพระพุทธเจ้าเวลาเวียนเทียนค่ะ



เมื่อเราเดินมาเราจะพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ แต่ลองนึกดูสิคะ พระพุทธรูปนี้เมื่อเราเดินมาตามทางเดินเมื่อมองเข้าไปจะพบในระยะประชิดมาก แล้วเวลาสมัยก่อนจะต้องจุดเทียนถึงจะเห็นภายใน เวลาบูชาจะเห็นองค์พระรำไรใต้แสงเทียน ทีมีขนาดใหญ่มาก เป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความศรัทธาได้อย่างดีเลยค่ะ



ที่เห็นนั้นคือเจดีย์ที่มีพระสามองค์ในแต่ละชั้น เป็นแบบพุทธนิกายมหายานที่เชื่อว่ามีพระพุทธเจ้า 3องค์ค่ะ

ไม่ทันไรก็เที่ยงแล้วค่ะ เราแวะเติมเสบียงกันหน่อยดีกว่า ที่นี่เลยค่ะ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สร้างได้สวยงามค่ะ แต่แบบเรือนไทยภาคกลางนะคะ





เติมเสบียงเสร็จเราก็ได้พบ นั่นอะไรคะ?





ท่านเจ้าคุณและครอบครัวออกมาทวงเรือนหรือคะ?

อุ่ย...

ทนโดนครอบครัวท่านเจ้าคุณอำไม่ไหวค่ะ เราออกมาเข้าวัดดีกว่า

ที่นี่เลยค่ะ วัดพระพายหลวง คือก่อนที่สุโขทัยจะสร้างเมืองตรงนี้เคยเป็นชุมชนเดิม ซึ่งนั่นก็แสดงว่าตรงนี้เป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ต่อมาได้มีการเข้ามาครอบครองและสร้างศาสนสถานโดยใช้ศิลาแลง


แสดงว่าแถบนี้เป็นแหล่งที่หาหินได้ยากค่ะ จึงต้องมีการขุดศิลาแลงขึ้นมาใช้

หลังจากศูนย์กลางได้ย้ายไปยังอยุธยา สุโขทัยก็ได้ถูกทิ้งร้างและได้มีการกวาดต้อนผู้คนไปยังอยุธยา
ทางขอมจึงได้ส่งผู้มีอำนาจเข้ามาครอบครองดังนั้นเราจึงพบศิลปะแบบขอมในศาสนาพราหมณ์

ส่วนในบริเวณนี้ยังถูกอนุรักษ์ต้นไม้เดิมเอาไว้นะคะ เพราะว่าต้นไม้โบราณสามารถบ่งบอกอายุโบราณสถานได้ค่ะ









ออกมาเจอน้ำแข็งไสโบราณในเมืองโบราณค่ะ เห็นแบบนี้ต้องแวะไปโดนของโบราณกันแล้วค่ะ



โดนของโบราณกันไปแล้วเราย้ายร่างกันมาที่วัดศรีชุม ที่ขึ้นชื่อเรื่องตำนานพระพูดได้กันค่ะ

ลูกลิงน้ำมนต์มาป่วนปู่จิ๋วค่ะ

เห็นมาป่วนๆอย่างนี้อาจารย์ก็ปรามกันใหญ่เลยค่ะ แต่ปู่จิ๋วก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร แถมด้วยวลีเด็ดประจำวันนี้ค่ะ

ปู่จิ๋ว said:ปล่อยไปๆ ถึงธรรมชาติของวัยจะต่างกัน แต่ธรรมชาติของความเป็นมนุษย์เราก็เหมือนกัน

น่ารักไหมคะ :)







ที่นี่เราก็ค่อยถ่ายไล่ระยะเข้าไปเรื่อยๆค่ะ ใครมาเห็นในตอนนี้จะเหมือนกำลังจะบุกจู่โจมเข้าไปข้างใน มีการรอให้สัญญาณแล้วเดินหน้าต่อด้วยนะคะ



หนึ่งในวิธีการบูรณะค่ะ ถ้าเรานำเอาอิฐใหม่เข้ามาใส่ ก็จะมีเลขปีประทับอยู่บนอิฐใหม่ด้วย เพื่อให้รู้ว่านี่คือของใหม่นะ แต่วิธีนี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในวิธีบูรณะเท่านั้นนะคะ ในบางที่อาจจะทำให้คล้ายคลึงและกลมกลืนไปกับของเดิมมากที่สุด บางทีเราก็ตัดสินไม่ได้หรอกค่ะ ว่าจะทำให้กลืนไปกับของเดิม หรือให้แตกต่างอย่างบอกให้รู้ว่าเราทำขึ้นมาใหม่นะ อย่างไหนจะดีกว่ากัน



พระพูดองค์ใหญ่มาก

จริงๆแล้วตำนานที่ว่าพระพูดได้ ไม่ใช่พระหรอกนะคะที่พูดได้ ในสมัยก่อนครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรจะยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลกได้มีการประชุมทัพที่นี่ และด้านหลังจะมีช่องอุโมงค์ด้านหลังมณฑปสำหรับคนเข้าไปทางด้านหลังได้ ด้านในจะมีจารลายเส้นบนแผ่นชนวนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชาดก โดยมีอักษรสมัยสุโขทัยกำกับบอกเรื่องราวไว้ด้วย ทีนี้ก็มีการพูดปลุกใจไพร่พลมาจากด้านหลังเป็นกุศโลบายในการสร้างความเชื่อมั่น และขวัญกำลังใจก่อนออกศึก จึงเป็นที่มาของตำนานพระพูดได้นั่นเองค่ะ



หันไปอีกทีเราโดนเด็กๆบุกเข้ามาเสียแล้วค่ะ



แถมยังมีการจับพวกเราเป็นตัวประกันด้วยค่ะ

โดนบุกอย่างนี้เราต้องรีบหนีด่วนค่ะ มาที่วัดศรีสวายกันดีกว่าค่ะ



วัดศรีสวายอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองสุโขทัยทางด้านทิศใต้ ประกอบไปด้วยปรางค์ 3 องค์ที่มีศิลปะแบบลพบุรีซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม แต่ลักษณะจะมีรูปร่างค่อนข้างเพรียวตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ มีลวดลายบางส่วนเหมือนลวดลายบนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หยวน อีกทั้งยังได้พบทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป ศิวลึงค์ ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งทำจากศิลาแลงค่ะ



มีการสันนิษฐานนะคะ ว่าแต่เดิมเป็นวิหารในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมาก่อนและได้ถูกแปลงเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง

มีการไล่ระดับของระนาบเข้าไปค่ะ เมื่อมองจากมุมนี้

แสงอาทิตย์แรงขนาดนี้ยังไม่ถึงเวลากลับเลยค่ะ เราไปชมบ้านเก่าที่เราคุ้นเคยกันดีกว่าค่ะ

จากเมืองเก่าไกลจากที่พักพอสมควรค่ะ เรารีบกลับกันดีกว่านะคะ ไว้เตรียมตัวเดินทางในวันต่อไป :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น