พระอาทิตย์เลยออกมาแรงมากเช่นนี้ เราเลยขอเขาอาศัยร่มเงาวัดแห่งนี้ก่อนดีกว่าค่ะ วัดสุชาดานั่นเอง
วัดที่นี่ช่อฟ้าเป็นแบบสุโขทัยค่ะ หลังคาเป็นแบบสกุลช่างเวียงจันทน์ ช่างล้านนาแท้ เพราะจะปูนปั้นไม่ครอบชายคาลงมาเช่นนี้นะคะ
และที่สำคัญไม่ตีฝ้าข้างในเช่นเดียวกับวัดปงยางคกที่เราไปเมื่อวานอีกแล้วค่ะ
sketchกันใหญ่ค่ะ
ชมความงามกันไปแล้ว ย้ายร่างมาวัดข้างๆกันดีกว่าค่ะ วัดพระแก้วดอนเต้า
อลังการจัดจ้านขนาดนี้ศิลปะทางพม่าแน่ค่ะ
ออกจากวัดมาบ้านประชาชนกันดีกว่าค่ะ บ้านๆ ง่ายๆ น่ารักอีกแล้วค่ะ
ใต้ถุนอเนกประสงค์ที่นี่ใช้เก็บฟืนค่ะ
รั้วหน้าบ้านง่ายๆ ใช้ไม้ไผ่ขัดกันเท่านั้นเองค่ะ
หน้าบ้านมีม้านั่งง่ายๆ แต่เกิดเป็นนอนที่จัดกับเส้นตั้งของตัวบ้าน
บุกไปเจอฝูงหมา ออกมาเห่ากันใหญ่เลยค่ะ อาจารย์จิ๋วเห็นดังนั้น มีวลีเด็ดตามสไตล์ค่ะ
อาจารย์จิ๋ว said: อย่าไปกลัว!!!
เจอวลีเด็ดท่านผู้นำเข้าไป เรามีหรือจะสนใจคะ ตามอาจารย์จิ๋วเข้าไปข้างในเลยค่ะ
ทำให้เรามาพบ ลานดินน่าวิ่งเล่นอีกแล้วค่ะ
มีลานดินแล้วยังมีสนามหญ้ากว้างๆด้านหลังอีกนะคะ
ไล่ระดับของอาคารลงมา
ออกจากบ้านบ้านประชาชนเราก็ย้ายร่างเช่นเคยค่ะมาที่วัดข่วงกอมกันค่ะ
ก่อนอื่นเมื่อเข้ามาเราก็มาอาศัยวัดเพื่อเติมเสบียงก่อนเลยค่ะ
วัดข่วงกอมเป็นวัดร่วมสมัยค่ะ สร้างโดยอาจารย์วทัญญู โดยยังคงลักษณะแบบล้านนาเดิมเอาไว้ เป็นโครงสร้างไม้ผสมกับการก่ออิฐ โดยรอบมีการเอาหินแม่น้ำมาใช้ด้วยนะคะ กำแพงที่เห็น นำเอาหินจากแม่น้ำมาผสมปูนแล้วเทลงในไม้แบบทำเป็นกำแพงหินขึ้นมา
แล้วยังปลูกต้นจั๋งเอาไว้น่ารักๆด้วยค่ะ
บริเวณนี้เดิมจะทำเป็นกุฏิพระค่ะ แต่เนื่องจากมาตั้งอยู่ผิดทิศตรงหน้าหน้าวัด จึงทำให้ไม่ได้ถูกใช้ค่ะ
ก่อนอาทิตย์ตกดินวันนี้เราไปผ่อนคลายที่นี่ดีกว่าค่ะ อุทยานแห่งชาติน้ำตกแจ้ซ้อน
เป็นอุทยานอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยมีบ่อน้ำพุร้อนมากมายเลยค่ะ ที่ขึ้นชื่อก็ต้องมาต้มไข่เป็นเวลา17นาทีที่นี่
แต่อย่าได้เสียใจไปค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้แล้วต้องมีอะไรมากกว่าการมาต้มไข่แน่นอน
ที่นี่มีน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิเหมาะสมกับการแช่ ซึ่งในสมัยก่อนชาวบ้านมักมาแช่กันในฤดูหนาวค่ะ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกเอาไว้ให้ผู้คนมาเริงร่ากันด้วย
พักผ่อนกันสำราญแล้วเราก็กลับสู่ที่พักในตัวเมืองลำปางไว้เดินทางกันต่อไปดีกว่านะคะ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น