หลังจากเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อขึ้นรถเราก็พบกับสิ่งนี้
นี่มันคือรถหมอลำหรือคะ ?
แถมมีลูกลิงปีนป่ายไปมาบนรถด้วยค่ะ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่วันที่ 4 สภาพจะเปลี่ยนไปขนาดนี้กันแล้วค่ะ
แต่อย่างไรก็ตามการเดินทางก็ยังต้องมีต่อไป เราจึงย้ายร่างมากันที่นี่ค่ะ วัดปงสนุกเหนือ
ที่นี่เป็นวัดที่มีความเก่าแก่แห่งหนึ่งในลำปางทีเดียวค่ะ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอนันตยสราชบุตรแห่งพระนางจามเทวีแห่งหริภุญไชย
และวัดปงสนุกเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์การอพยพผู้คนในเหตุการณ์ช่วงปี 2346 ที่พญากาวิละได้ยกทัพเข้าตีเมืองเชียงแสน และได้กวาดต้อนชาวเชียงแสน
ซึ่งรวมถึงชาวบ้านปงสนุกลงมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ลำปาง รวมถึงการอพยพผู้คนจากพะยาว(พะเยา)หนีศึกจากพม่าลงมายังเมืองลำปางด้วยค่ะ ชาวปงสนุกและชาวพะยาวจึงได้ตั้งรกรากกันอยู่ที่นี่
และแล้วในเวลาต่อมาเมื่อเมืองพะยาวฟื้นฟูขึ้นชาวพะยาวก็อพยพกลับสู่บ้านเกิดตน คงเหลือเพียงบางพวกที่ยังไม่ยอมกลับและได้อาศัยอยู่กับชาวบ้านปงสนุก
ชื่อวัดและชื่อหมู่บ้านจึงเหลือเพียงชื่อปงสนุกจนปัจจุบันนี้ค่ะ
วัดนี้นะคะเป็นวัดที่ได้รับการบูรณะแล้วและยังได้รับรางวัลจากยูเนสโก (แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก)
โดยได้รับการบูรณะให้คงสภาพของการเป็นของเดิมให้ได้มากที่สุด
ภายในเราจะพบเจดีย์และวิหารพระเจ้าพันองค์ ที่ถูกบูรณะรักษาแบบแผน เทคนิควิธี วัสดุ ฝีมือช่างตามแบบโบราณไว้ค่ะ
เข้ามาดูภายในนอกจากจะประดับด้วยพระแล้ว โครงสร้างของที่นี่ไม่ธรรมดาเลยนะคะ
ตรงเสานี้นะคะ จะกรุด้วยจืน(ตะกั่วชนิดหนึ่ง) ทำให้เกิดแสงระยิบระยับเมื่อถูกแสงแดด วิธีแบบนี้เป็นวิธีของช่างพม่าล่ะค่ะ (ช่างพม่าเก่งเรื่องการทำอาคารที่กรุกระจกสีค่ะ)
มีวัดปงสนุกเหนือแล้ว วัดปงสนุกใต้ล่ะคะ?
ช้าก่อน! นี่ไม่ใช่คำถามแค่เอาตลกค่ะ
วัดปงสนุกใต้หรือคะก็อยู่ติดกันกับวัดปงสนุกเหนือนี่เองค่ะ
ที่ต้องมีวัดปงสนุกเหนือใต้นี่ไม่ได้สร้างเอาสนุกนะคะ แต่ก็เป็นเพราะว่าในอดีตเจ้าผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งได้ทำการผูกดวงชะตา ปรากฏว่าพบความจริงว่าตนต้องย้ายที่อยู่
จึงได้ทำการสร้างวัดปงสนุกใต้ไว้อีกทิศแต่อยู่ติดกัน
ออกจากวัดปงสนุกเราก็มาต่อกันที่วัดศรีรองเมือง
มาอีกแล้วค่ะ สีแดงโดดเด่นมาแบบนี้ วัดพม่าแน่ๆค่ะ
อย่างที่เห็นค่ะ เป็นศิลปะแบบพม่าหรือไทใหญ่ สร้างปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นนะคะ ชาวตะวันตกได้เข้ามาทำกิจการป่าไม้และได้นำชาวพม่าแถบมะละแหม่งมาทำกิจการป่าไม้เพื่อส่งไปยังอังกฤษ
ซึ่งในขณะนั้นก็ได้มีชาวพม่าอพยพมาหลายตระกูลเลยค่ะมาทำกิจการป่าไม้จนร่ำรวยกันถ้วนหน้า แต่อย่างไรก็ตามมาอาศัยธรรมชาติจนมีฐานะขนาดนี้ ก็ต้องกตัญญูรู้คุณกันหน่อยค่ะ
จึงได้สร้างวัดอุทิศสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าป่าเจ้าเขา ที่ทำให้มีกินจนร่ำรวย โดยประกอบกันหลายหลังค่ะ แต่ละตระกูลก็จะร่วมกันบริจาคในการสร้าง ในแต่ละหลัง จนสร้างเสร็จในราวปี 2447-2448
ในอดีตเคยมีพระพม่ามาอยู่ที่นี่นะคะ แต่ปัจจุบันนี้ได้กลายเป็นพระไทยหมดแล้ว
คุณค่าของวัดนี้คือการที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะพม่าทั้งหมด เสาและเพดานประดับด้วยกระจก และหลังคาที่ซ้อนชั้นอลังการ แต่หลังคาซ้อนชั้นนี้จะไม่ใช้กับบ้านทั่วไปนะคะ แต่จะใช้กับงานชั้นสูงเช่นวัดหรือพระราชวัง
ด้านบนหลังคาจะมุงด้วยสังกะสี เห็นอย่างนี้อย่าได้คิดว่าอะไรกัน! ไม่ลงทุนเลย อย่าได้ดูถูกไปค่ะ เพราะในสมัยนั้นนะคะตรงกับในช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมพอดี
ตะกั่วจึงเป็นสิ่งที่มีค่ามากในสมัยนั้น ดังนั้นเมื่อบูรณะจึงยังคงรักษาแบบดั้งเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดค่ะ
เมื่อเข้าไปด้านในจะไม่เผยให้เห็นโครงสร้างเพดาน โดยจะตีฝ้าปิดหมดเลยค่ะ
ด้านซ้ายมือของวัดจะมีส้วมพม่าเล็กตั้งอยู่อย่างเดียวดายค่ะ
ภายในกรุกระจกสีทั้งหลัง อลังการจัดจ้านสมความเป็นศิลปะพม่าจริงๆค่ะ
ใกล้ๆกันมีช่างที่กำลังตัดกระจกสี สำหรับซ่อมแซมอยู่ค่ะ
สุดท้ายแล้วก่อนที่เราจะออกจากเมืองลำปางกัน เราก็มาแวะเติมเสบียงแถวๆสถานีรถไฟลำปางกันค่ะ
เป็นสถานีเล็กๆแต่สวยงามสมคำร่ำลือ เพราะที่นี่เป็นงานสถาปัตยกรรมที่มีการผสมกับทางตะวันตก ด้านล่างเป็นปูนส่วนชั้นสองยังคงเป็นอาคารไม้ค่ะ
เติมเสบียงแล้วเราก็ต้องออกเดินทางต่อกันเลยค่ะ แต่ แต่ แต่ จะให้พุ่งตรงไปยังสุโขทัยเลยหรือคะ ไม่ใช่ค่ะ จะเสียconcept อย่างมาก
เรามาแวะเก็บอะไรเล็กๆน้อยๆ กันที่นี่ก่อนดีกว่าค่ะ ที่ชุมชนบ้านแม่จอก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
ที่นี่จะเห็นความเป็นชุมชนเกษตรกรรมอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ในรั้วเดียวกันจะอยู่รวมกันเป็นหมู่เครือญาติ ด้านนอกรั้วก็จะพบกับทุ่งนา
ภายในบ้านยังคงใช้วัสดุดั้งเดิมคือฝาไม้ขัดแตะ แต่เดิมหลังคาที่ที่มุงแฝกปัจจุบันได้พัฒนาแล้วนะคะเปลี่ยนมามุงด้วยสังกะสี แล้วเราก็พบสิ่งที่คุ้นเคยอีกแล้วค่ะ
ลานดินและใต้ถุนอเนกประสงค์นั่นเอง ที่นี่ใต้ถุนใช้ทำงานหัตถกรรมและทอผ้ากันค่ะ การต่อเติมส่วนต่างๆและการจัดวางที่เราเห็นก็เป็นไปตามธรรมชาติของชาวบ้านนะคะ
ความสวยงามที่เห็นจึงเป็นไปตามธรรมชาติ เกิดมิติต่างๆ ไม่มีพิธีรีตองอย่างที่เห็นนี่ค่ะ
มีการทำร่องระบายน้ำจากลานบ้านไปสู่พื้นที่สวนครัวด้านหลังด้วยค่ะ
เดินเพลินๆ อ้าว!ฝนตกเสียแล้วค่ะ เราคงต้องออกเดินทางจากที่นี่กันแล้วล่ะค่ะ
ชื้นจนกระจกเป็นฝ้าเลย :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น